เป็นสิ่งที่ใครหลายๆคนที่ไปเที่ยวเกาหลีด้วยตัวเอง หรือไปกับบริษัททัวร์นั้นต่างก็กังวลว่า ถ้าเกิดไม่ผ่านด่าน ตม. เกาหลีแล้วจะโดนส่งกลับประเทศมั้ย? ทำไม ตม. เกาหลีถึงต้องเข้มงวดกับคนไทยนัก?
ที่ ตม. เกาหลีเข้มงวดกับคนไทยเป็นพิเศษก็เพราะว่า คนไทยจำนวนมากที่ผ่านเข้าไปแล้วไปสร้างชื่อเสีย ไปค้าแรงงานแบบผิดกฎหมายในประเทศเกาหลี ซึ่งทำให้เกิดผลเสียต่อประเทศเกาหลีทำให้ต้องมีการเข้างวดที่ด่านกับคนไทยเป็นพิเศษ เพราะว่าคนไทยที่มีพาสปอร์ตนั้นสามารถอยู่ในประเทศเกาหลีได้นาน 90 วัยเลยทีเดียว ทาง ตม. เกาหลีจึงต้องเข้มงวดเป็นพิเศษเพื่อที่จะป้องกันปัญหาการค้าแรงงานแบบผิดกฎหมายไปได้ในบางส่วน
การเตรียมตัวก่อนผ่าน ตม. เกาหลี
1. หลักฐานที่ควรจะมี
- หลักฐานการการทำงาน เพื่อเป็นการยืนยันว่าอยู่ที่ประเทศไทยคุณมีงานทำอยู่แล้ว ไม่ได้จะหนีเข้าเมืองเพื่อไปหางานทำในเกาหลี หากเป็นข้าราชการ พนักงานบริษัท คุณสามารถแสดงบัตรพนักงานกับทางเจ้าหน้าที่ ตม. เกาหลีได้เลย หากเป็นเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษจะดีมาก แต่หากเป็นอาชีพ Freelance อาชีพอิสระ หรือประกอบธุรกิจส่วนตัว คุณควรจะมีนามบัตรเพื่อแสดงว่าคุณเป็นใคร ทำอะไร เอาแบบสวยๆเลี่ยมทองได้ยิ่งดี (ล้อเล่นครับ) เน้นไปที่มีภาษาอังกฤษจะดีกว่าเพื่อให้เจ้าหน้าที่ ตม. เกาหลีนั้นอ่านเข้าใจ ถ้ามีแต่ภาษาไทยก็เหมือนคุณไม่มีนามบัตร เพราะเจ้าหน้าที่อ่านไม่ภาษาไทยไม่รู้เรื่องหรอกครับ
- แบบสอบถามสุขภาพ เพื่อยืนยันว่าคุณมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง ไม่มีโรคประจำตัว ไม่มีโรคติดต่อ เพื่อป้องกันการนำโรคติดต่อหรือโรคระบาดเข้าไปยังประเทศเกาหลีนั่นเอง
2. ใบจองโรงแรม เอกสารเกี่ยวกับที่พัก ตั๋วเครื่องบินขากลับ
ถ้าไปกับทัวร์ของพวกนี้ทางทัวร์จะเตรียมไว้ให้คุณเกือบหมด แต่ถ้าไปเที่ยวเกาหลีด้วยตัวเองก็ควรจะปริ้นใบจองโรงแรม หรือเอกสารเกี่ยวกับที่พัก ตั๋วเครื่องบินขากลับด้วยเช่นกัน
3. การแต่งกาย
ถ้าอยากผ่านแบบฉลุยชิวๆเน้นให้ใส่เสื้อผ้าแพงๆ กระเป๋าแบรนด์เนม รองเท้าหนังเงาวับยี่ห้อดังๆ แบบนี้จะถูกมองว่าเราไม่ได้เข้าไปประเทศเขาเพื่อไปค้าแรงงานแบบผิดกฎหมายหรือหางานทำอย่างแน่นอน การแต่งกายอีกแบบก็คือแต่งกายแบบนักท่องเที่ยว มีกล้องห้อยคอ รองเท้าผ้าใบ ผู้หญิงไม่ควรแต่งหน้าจัดหรือนุ่งสั้น เพราะเจ้าหน้าที่ ตม. เกาหลีอาจจะเรียกคุณเข้าไปคุยในห้องเย็นได้ครับ
4. ภาษา
สำหรับผู้ที่พูดภาษาอังกฤษได้ก็คงจะไม่มีปัญหา ถ้าพูดภาษาเกาหลีได้ก็จะดีมาก แต่สำหรับคนที่พูดภาษาไทยเป็นภาษาเดียวคุณควรจะต้องมีการเตรียมการพูดภาษาอังกฤษมาบ้าง สนทนาภาษาอังกฤษกับเจ้าหน้าที่ ตม. เกาหลี ซัก 2 ประโยค 3 ประโยค เพื่อให้เขารู้ว่าเราพอจะมีความรู้ด้านภาษาบ้าง
การปฏิบัติตัวเมื่ออยู่ต่อหน้าเจ้าหน้าที่ ตม. เกาหลี
1. การพูดคุยสนทนาเป็นภาษาอังกฤษกับเจ้าหน้าที่ โดยส่วนใหญ่เข้าจะถามเกี่ยวกับว่า มาทำอะไร มากับใคร อยู่กี่วัน กลับเมื่อไหร่ ภาษาอังกฤษสำเนียงเกาหลีฟังยากมาจับใจความแทบไม่ได้ หากคุณฟังไม่เข้าใจก็บอกให้เขาถามอีกครั้งได้เลย
2. สบตาเวลาพูดคุย อย่าไปลบตา เพราะเขาจ้องจะจับผิดพวกที่หลบหนีเข้าเมืองแบบผิดกฎหมาย คนที่มีความผิดก็ไม่ค่อยจะกล้าสบตากับใครเท่าไหร่ ถ้าคุณไปหลบตาเจ้าหน้าที่ ตม. เกาหลีอาจจะเข้าใจผิด หรือเกิดความสงสัยในตัวคุณได้
3. เขาถามอะไรมาก็ตอบไปแบบมั่นใจ อย่ากังวลว่าไม่เก่งเรื่องภาษา ขอแค่ให้ตอบอย่างมั่นใจและฉะฉาน เขาฟังไม่รู้เรื่องเขาก็จะถามอีกทีเอง
4. เจ้าหน้าที่ ตม. เกาหลีจะให้เราสแกนลายนิ้วมือที่เครื่องสแกนลายนิ้วมือ คุณก็ยื่นนิ้วชี้ไปวางบนเครื่องทั้งสองข้าง หลังจากนั้นคุณก็จะได้ผ่านเข้าสู่แดนกิมจิพร้อมกับคำพูดว่า Welcome to south korea
จริงๆก็ไม่ได้ยากอย่างที่ใครๆหลายๆคนกลัวหรอกครับกับการผ่านด่าน ตม. เกาหลี แค่เขามีความเข้มงวดเท่านั้นเอง ถ้าเราไปแบบบริสุทธิ์ใจ ตั้งใจจะไปเที่ยวแล้วก็กลับไม่ได้ไปสร้างความเดือดร้อนให้แก่ประเทศเขา ถ้าคนไทยเป็นแบบนี้หมดเรื่องความเข้มงวดก็อาจจะมีการผ่อนปรนก็ได้ครับ ไปเที่ยวเกาหลีด้วยตัวเองคงต้องเตรียมพร้อมมากกว่าคนที่ไปกับทัวร์นะครับ
การเดินทางในเกาหลี
งบเที่ยวเกาหลีด้วยตัวเอง
