ถือเป็นเรื่องที่น่าเศร้าของคนเกาหลีที่ต้องเผชิญกับสงครามที่มีแต่ความสูญเสีย เมื่อชาติเดียวกันต้องหันมาสู้รบกันเอง เมื่อเกิดความขัดแย้งระหว่างฝ่ายประชาธิปไตยและฝ่ายเผด็จการ เป็นสถานที่ที่รวบรวมประวัติการสร้างชาติของชาวเกาหลีใต้ที่กว่าจะมาเป็นเกาหลีใต้ในปัจจุบันนี้พวกเขาได้ผ่านสิ่งที่เลวร้ายมามากมาย และสามารถพัฒนาประเทศให้มีความเจริญก้าวหน้าแบบปัจจุบันโดยใช้เวลาเพียงไม่กี่ปี เป็นประเทศที่พัฒนาได้อย่างรวดเร็วหลังจากผ่านสงคราม ถือเป็นสิ่งที่คนจะไปเที่ยวเกาหลีควรจะรับรู้ไว้ เพราะจะได้เข้าใจว่าทำไมคนเกาหลีถึงมีความรักในชาติของเขา
สงครามเกาหลีนั้นถือเป็นสงครามที่ไม่ใช่เพียงคนเกาหลีที่ต่อสู้กันเอง แต่หมายถึงการต่อสุ้ระหว่างระบอบเผด็จการกับระบอบคอมมิวนิสต์ นานาชาติอาจจะมองว่าสงครามนี้เป็นเวทีประลองกันระหว่าง อเมริกากับโซเวียต แน่นอนว่าอเมริกาส่งกองกำลังเข้าช่วยเหลือเกาหลีแต่ในการรบครั้งนี้ นอกจากอเมริกาแล้วก็ยังมีอีกหลายชาติที่ส่งกองกำลังเข้าช่วยเหลือเกาหลีใต้ รวมถึงประเทศไทยของเราก็ได้ส่งกองกำลังทหารช่วยเหลือเกาหลีใต้ระหว่างสงครามเกาหลีด้วย ส่งผลทำให้ทุกันนี้คนไทยสามารถเข้าประเทศเกาหลีได้โดยไม่ต้องขอวีซ่า
อนุสรณ์สถานแห่งสงครามแห่งเกาหลีตั้งอยู่กับฝั่งตรงข้ามของกระทรวงกลาโหม และอยู่ติดกับกองทหารรักษาการณ์ของกองทัพสหรัฐยงซัน เป็นที่ดึงดูดสายแต่แก่ผู้คนที่เดินผ่านไปมา ภายในพิพิธภัณฑ์มีห้องจัดแสดงนิทรรศการทั้งหมด 6 ห้อง ได้รวบรวมเรื่องราวประวัติศาสตร์เกาหลีเกือบ 5,000 ปีของการรุกรานจากต่างประเทศ ภายนอกจัดวางด้วยรถถัง เครื่องบิน และอาวุธยุทโธปกรณ์อื่นๆที่เคยใช้ในสงครามเกาหลี
หนึ่งสิ่งในสถานที่แห่งนี้ที่ซึ่งทำให้เกิดความรู้สึกสะเทือนอารมณ์มากที่สุดก็คือรูปปั้นสองพี่น้อง ทั้งสองคนเป็นทหารที่ได้ร่วมรบในสงครามเกาหลี แต่อยู่กันคนละฝ่ายหลังจากที่พบหน้ากันก็โผเข้ากอด ซึ่งสิ่่งนี้แสดงให้เห็นถึงความเจ็บปวดที่คนเกาหลีได้เผชิญ(ลองคิดดูว่าถ้าเป็นเรา เราต้องไปเผชิญกับสถานการณ์ที่พี่และน้องจะต้องฆ่ากันเอง มันแทบจะอธิบายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้ เคยเห็นแต่ในหนัง) หลังจากสงครามครั้งนี้ทำให้ประชากรกว่า 10 ล้านครอบครัวต้องแยกจากกัน
แต่หลายๆคนก็คงไม่คิดว่าบ้านเมืองที่ผ่านสงครามอย่างประเทศเกาหลีใต้จะสามารถพัฒนาประเทศสู่ความเจริญภายในระยะเวลาเพียงไม่กี่ปี นี่คือเรื่องราวในอดีตของคนเกาหลีที่คนจะไปเที่ยวเกาหลีควรจะทราบ หรือคนที่สนใจในประวัติศาสตร์เกาหลีจะต้องรู้
อนุสาวรีย์แม่ทัพ ยีซุนชิน (Yi Sun Shin)
กำแพงแห่งความหวัง Wall of Hope